|
![]() | หอมเอ้ยหอมใบอ้ม หอมลอยลมจนคนส่า” คำผญาอีสานพรรณนาถึงความหอมจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของใบอ้มที่ล่องลอยอยู่ในสายลมที่พัดผ่านไปมา ใบอ้มนี้เป็นชื่อเรียกในภาษาอีสานลักษณะเป็นพืชที่มีใบปกคลุมสีเขียว ใบเรียว ส่งกลิ่นหอมราวกับกลิ่นใบเตยผสมยอดข้าว ตลบอบอวลเมื่อสัมผัสกับความร้อนนอกจากนี้ยังพบว่าอ้มนั้นยังมีชื่อที่หลากหลายเรียกแตกต่างกันในหลาพื้นที่ เช่น เนียมอ้ม เนียมหอม อ้มหอม ฯลฯ อ้ม หรือ เนียมอ้ม ชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Chloranthus spicatus (Thunb.) Makino เป็นพืชในวงศ์ Chloranthaceae เป็นพืชพื้นเมืองของจีน แต่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากความหอมที่เป็นคุณสมบัติเด่นแล้ว อ้มสามารถนำใบและดอกนำมาชงเป็นน้ำชาแก้ไอ ใบสามารถตำพอกรักษาฝีและแผลที่เกิดจากน้ำร้อนลวก ส่วนรากรับประทานในขนาดที่พอดีตามตำรายาสามารถแก้มาลาเรียได้แต่หากรับประทานเกินขนาดมากไปจะเป็นพิษ ชาวอีสานในอดีตใช้อ้มกันอย่างหลากหลาย เช่น นำมาผสมกับน้ำทาผมช่วยให้ผมดำเงา และซอยใบให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่รวมกับเต้าปูนจะช่วยให้ปากหอม สูตรนี้ผู้สูงวัยนิยมกันเป็นอย่างมาก ส่วนในมุมมองจากกลุ่มผู้ชายใบอ้มลนไฟแช่ไว้ในไหเหล้าของคนสมัยก่อนหอมหวานจนลืมเมากันเลยทีเดียว รวมถึงยังนำไปอบทำยาสูบลดกลิ่นฉุนให้หอมนุ่มนวลขึ้นมาทันที สรรพคุณของฟักข้าว ว่านขมิ้นทอง ลักษณะ หัว, ต้น, ใบ เหมือนต้นว่านขมิ้นชัน ผิดกันที่ต้นขมิ้นทองนี้มีสีแดง และกระดูกหลังใบแดงเท่านั้น สีของหัวเหลืองแก่กว่าขมิ้นชัน มีกลิ่มหอมเย็น พบชอบขึ้นมากตามป่าสูงๆ แถว อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี สรรพคุณทางยา เป็นว่านยารักษาโรคได้หลายอย่างด้วยตัวเอง และผสมกับว่านอื่น ๆ เป็นยารักษาโรคที่เป็นหัวพิษต่าง ๆ เช่น หัวดาว, หัวเดือน, หัวลำมะลอก, หัวหมา หรือเป็นหัวพรากเส้นให้ตำหัวผสมกับน้ำสุราหรือน้ำปูนใส พอกที่หัว เป็นไฟลามทุ่ง, ขยุ้มตีนหมา, งูสวัสดิ์ ให้ฝนกับน้ำสุราหรือนํ้าซาวข้าวทาที่เกิดเป็นขึ้นเป็นประจำ 3 วัน เช้า กลางวัน เย็น เป็นโรคไซง้อหรือแซง้อ คอตีบ ให้ผ่าหัวว่านออกเป็นสี่แล้วอมเอาไว้เป็นประจำ เป็นโรคเจ็บที่ทรวงอกหรือเจ็บภายในท้อง ให้ใช้หัวว่านโขลกใส่น้ำซาวข้าวแล้วคั้นเอานํ้ากิน หรือต้มกินน้ำเป็นน้ำชา ถ้าเคี้ยวหัวดิบ ๆ กินเข้าไปเป็นคงกระพันชั่วเบาด้วย
15 มิถุนายน 2564 |
![]() | ให้กับกลุ่มฝึกอาชีพ ทอผ้าเป็นลายผ้าขาวม้าและส่งจำหน่าย ตามโครงการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาชีพของผู้สูงอายุบนฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น “สูงอายุไม่สูญรายได้” ของดีอุ่มจานผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพ 09 มีนาคม 2564 |
![]() | งานจักสานหรือเครื่องจักสานจะมีอยู่น้อย แต่ก็ยังคงมีอยู่ทั่วไป ทุกภาคในประเทศนอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอยแล้ว งานจักสานยังสะท้อน วัฒนธรรม สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญาของชาวบ้านได้อีกด้วย ในขณะที่สภาพสังคม เศรษฐกิจปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากเดิม การไปมาหาสู่กันระหว่างเมืองกับชนบทติดต่อกันได้สะดวก รวมถึงความเจริญก้าวหน้าทางกระแสวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแทนที่วัฒนธรรมเดิมทําให้สภาพความเป็นอยู่ การดํารงชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีผลกระทบทําให้งานจักสานหรืออาชีพจักสานลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนถึงเพื่อการส่งเสริมความรู้ด้านงานจักสานแก่ผู้ที่สนใจในอาชีพ ได้สืบทอดงานจักสานให้คงอยู่ต่อไป การประกอบอาชีพในทุกวันนี้มีหลากหลายทางมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายและมีความสะดวกสบายมากขึ้นอยากกินปลาก็เดินไปซื้ออยู่ตลาด จนคนในยุคปัจจุบันไม่รู้จักกรรมวิธีขั้นตอนในอุปกรณ์ในการประยุกษ์เลือกนำภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ได้จากไม้ไผ่เอาวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่มาใช้ในการทำมาหากินไม่รู้จักอุปกรณ์พื้นบ้านอีสาน ที่ปู่ย่าจักรสานขึ้น อย่างเช่น สุ่มไก่ การสานกระด้ง กระติบข้าว อีโฮ่งใช้ร่อนปลา กระชังใส่ปลาซึ่งอุปกรณ์บางอย่างเราก็ไม่รู้จัก จึงจำเป็นอย่างมากที่เราควรจะศึกษาขั้นตอนในการทำอุปกรณ์พื้นบ้านต่างๆเพื่อจะได้สืบสานต่อไปคู่ไว้ให้อยู่กับคนไทยไปยาวนาน 09 มกราคม 2564 |
![]() | เสน่ห์ของการทำนาที่บ้านโคกสะอาดตามวิถีเดิมของบรรพบุรุษ คือการทำนาบนป่าโคกค่ะเพราะเป็นการทำนาที่พึ่งพาอาศัยธรรมชาติทั้งป่าและน้ำ เป็นวิถีที่เกษตรกรเลี้ยงดูลูกหลานมาจนปัจจุบัน 18 ธันวาคม 2563 |
![]() | มัดหมี่ เป็นกรรมวิธีการทอผ้าแบบหนึ่ง ที่อาศัยการย้อมเส้นด้ายก่อนการทอ ทั้งที่ย้อมเฉพาะด้ายพุ่งและย้อมด้ายยืน เพื่อให้เมื่อทอผ้าออกม้าเป็นผืนแล้ว เกิดเป็นลวดลายและสีสันตามที่ต้องการ เดิมนั้นนิยมใช้เส้นไหม แต่ปัจจุบันพบการมัดหมี่ทั้งเส้นไหม ฝ้าย และเส้นใยสังเคราะห์ 18 ธันวาคม 2563 |
![]() |
18 ธันวาคม 2563 |
![]() | 18 ธันวาคม 2563 |
ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 / 1 (7 รายการ)