ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์องค์การบริหารส่วนตำบลอุ่มจาน อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร

แจ้งเรื่องร้องเรียนสายผู้บริหาร

ภารกิจผู้บริหาร

ปลัด




facebook

ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร

ประกันสังคม

จริยธรรม



ระบบจัดการเว็บไซต์

ศูนย์ดำรงธรรม

สถิติการเข้าชม เริ่มวันที่ 4/12/2563
วันนี้
128
เมื่อวานนี้
599
เดือนนี้
3,242
เดือนที่แล้ว
2,106
ปีนี้
7,477
ปีที่แล้ว
29,421
ทั้งหมด
63,855
ไอพี ของคุณ
34.239.173.144

การรักษาด้วยสมุนไพร

หอมเอ้ยหอมใบอ้ม หอมลอยลมจนคนส่า”

คำผญาอีสานพรรณนาถึงความหอมจนเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของใบอ้มที่ล่องลอยอยู่ในสายลมที่พัดผ่านไปมา

ใบอ้มนี้เป็นชื่อเรียกในภาษาอีสานลักษณะเป็นพืชที่มีใบปกคลุมสีเขียว ใบเรียว ส่งกลิ่นหอมราวกับกลิ่นใบเตยผสมยอดข้าว ตลบอบอวลเมื่อสัมผัสกับความร้อนนอกจากนี้ยังพบว่าอ้มนั้นยังมีชื่อที่หลากหลายเรียกแตกต่างกันในหลาพื้นที่ เช่น เนียมอ้ม เนียมหอม อ้มหอม ฯลฯ

อ้ม หรือ เนียมอ้ม ชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Chloranthus spicatus (Thunb.) Makino เป็นพืชในวงศ์ Chloranthaceae เป็นพืชพื้นเมืองของจีน แต่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากความหอมที่เป็นคุณสมบัติเด่นแล้ว อ้มสามารถนำใบและดอกนำมาชงเป็นน้ำชาแก้ไอ ใบสามารถตำพอกรักษาฝีและแผลที่เกิดจากน้ำร้อนลวก ส่วนรากรับประทานในขนาดที่พอดีตามตำรายาสามารถแก้มาลาเรียได้แต่หากรับประทานเกินขนาดมากไปจะเป็นพิษ

ชาวอีสานในอดีตใช้อ้มกันอย่างหลากหลาย เช่น นำมาผสมกับน้ำทาผมช่วยให้ผมดำเงา และซอยใบให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่รวมกับเต้าปูนจะช่วยให้ปากหอม สูตรนี้ผู้สูงวัยนิยมกันเป็นอย่างมาก ส่วนในมุมมองจากกลุ่มผู้ชายใบอ้มลนไฟแช่ไว้ในไหเหล้าของคนสมัยก่อนหอมหวานจนลืมเมากันเลยทีเดียว รวมถึงยังนำไปอบทำยาสูบลดกลิ่นฉุนให้หอมนุ่มนวลขึ้นมาทันที

สรรพคุณของฟักข้าว
ผลอ่อนและใบอ่อนช่วยลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ (ผลอ่อน, ยอดฟักข้าว)
ช่วยบำรุงปอด ช่วยแก้ฝีในปอด (เมล็ด)
ใบฟักข้าวมีรสขมเย็น มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ตัวร้อนได้ (ใบ)
รากช่วยถอนพิษไข้ (ราก)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ช่วยแก้ท่อน้ำดีอุดตัน (เมล็ด)
ช่วยขับปัสสาวะ (เมล็ด)
ใบช่วยแก้ริดสีดวง (ใบ)

ว่านขมิ้นทอง

ลักษณะ หัว, ต้น, ใบ เหมือนต้นว่านขมิ้นชัน ผิดกันที่ต้นขมิ้นทองนี้มีสีแดง และกระดูกหลังใบแดงเท่านั้น สีของหัวเหลืองแก่กว่าขมิ้นชัน มีกลิ่มหอมเย็น พบชอบขึ้นมากตามป่าสูงๆ แถว อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี

สรรพคุณทางยา เป็นว่านยารักษาโรคได้หลายอย่างด้วยตัวเอง และผสมกับว่านอื่น ๆ เป็นยารักษาโรคที่เป็นหัวพิษต่าง ๆ เช่น หัวดาว, หัวเดือน, หัวลำมะลอก, หัวหมา หรือเป็นหัวพรากเส้นให้ตำหัวผสมกับน้ำสุราหรือน้ำปูนใส พอกที่หัว เป็นไฟลามทุ่ง, ขยุ้มตีนหมา, งูสวัสดิ์ ให้ฝนกับน้ำสุราหรือนํ้าซาวข้าวทาที่เกิดเป็นขึ้นเป็นประจำ 3 วัน เช้า กลางวัน เย็น เป็นโรคไซง้อหรือแซง้อ คอตีบ ให้ผ่าหัวว่านออกเป็นสี่แล้วอมเอาไว้เป็นประจำ เป็นโรคเจ็บที่ทรวงอกหรือเจ็บภายในท้อง ให้ใช้หัวว่านโขลกใส่น้ำซาวข้าวแล้วคั้นเอานํ้ากิน หรือต้มกินน้ำเป็นน้ำชา ถ้าเคี้ยวหัวดิบ ๆ กินเข้าไปเป็นคงกระพันชั่วเบาด้วย

 

 

 


 
15 มิถุนายน 2564